แผนที่ วาโลแรนต์ สิ่งที่สร้างความหลากหลายให้การเล่น

มิถุนายน 22, 2024

แผนที่ วาโลแรนต์ ส่วนประกอบสำคัญของเกม FPS ที่เข้าไปยิงซ้ำๆ วาง-เก็บกู้ระเบิดแบบ Counter-Strike ซึ่งการที่มีแผนที่เดิมๆ ก็อาจทำให้ผู้เล่นเบื่อได้ง่าย โดยเกมยิงปืนหรือเกมหลายแนวส่วนมากจึงมีทีมที่ต้องคิดหาแผนที่ใหม่ๆ มาให้ผู้เล่นรู้สึกไม่จำเจ อย่าง CSGO ก็มีด่านกว่า 20 แบบถึงแม้จะเล่นกันจริงแต่ 4-5 แบบก็ตาม โดยแผนที่ Valorant ก็นับว่ามีการอัปเดต และมีความหลากหลาย แม้จะมีจุดบกพร่องอยู่ก็ตาม

Valorant เกมที่เคยมีปัญหาเรื่องแผนที่หลายครั้ง

บ่อยครั้งที่ผู้เล่นในเกมนี้จากบทความ รีวิว เกมวาโลแรนต์ และการคลิปต่างๆ ออกมาบ่นว่ามีด่านให้เล่นหลายด่านแต่ระบบสุ่มกลับทำให้ต้องเล่นด่านเดิมๆ ซ้ำถึง 3-5 รอบติด ซึ่งก็มีการอัปเดตปัญหานี้กันในหลายแพตช์เลย ทั้งการปรับระบบการสุ่ม RNG ใหม่ การเพิ่มแผนที่ใหม่ๆ เข้ามาเพื่อสร้างความเป็นไปได้ในการเจอ map ที่ต่างกัน จนไปถึงการรื้อระบบการจับคู่ใหม่ไปเลย ซึ่งก็มีรายละเอียดการอัปเดตดังนี้

การอัปเดตแรกตั้งแต่ช่วงเปิดตัวปี 2020 ในแพตช์ 1.08 การเลือกแผนที่นั้นเป็นการสุ่มจาก 4 แผนที่ที่มีอยู่ในตอนนั้น ด้วยโอกาสการเจอแบบ 25% เท่ากัน แน่นอนว่าการมีแผนที่แค่ 4 แบบจึงทำให้ 25% สร้างโอกาส 26% ที่จะเจอแผนที่เดิมติดกันสาม และประมาณ 1% สำหรับผู้โชคร้าย ที่จะสามารถเจอแผนที่เดิมติดกัน 5 ครั้งเลย
การอัปเดตแพตช์ 4.04 โดยให้ระบบเกมพยายามเลือกแผนที่ของผู้เล่นทั้งสิบคนในการจับคู่นั้นๆ ไม่เจอมาก่อน ให้ผลออกมาไม่ซ้ำที่สุด แต่ก็มีหลายคนที่เป็นคนส่วนน้อยที่เล่นในแผนที่ที่คนอื่นไม่ได้เล่นมาก่อน ก็ต้องลงเอยด้วยการเล่นแผนที่ซ้ำๆ 2-3 ครั้งติด แต่การอัปเดตครั้งนี้ก็ทำให้ผู้ที่เจอแผนที่ซ้ำๆ ลดลงไป
การอัปเดตล่าสุดที่เป็นการวิเคราะห์การจับคู่โดยหาผู้เล่นที่แผนที่ที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด (ไม่รวมโหมดแรงค์) ส่งผลให้การจับคู่ช้าลงไปบ้าง แต่ก็ให้ผลลัพธ์ออกมาดีขึ้นมาก

ที่มา: ซีรีส์คุณภาพของระบบต่าง ๆ ในเกม VALORANT - ความหลากหลายของแผนที่ [1]

ประเภทของแผนที่ในแต่ละแบบ

ผ่านมาหลายปีแล้วสำหรับเกมนี้ ที่เริ่มมาด้วยแผนที่เพียง 4 แบบเท่านั้นมาถึงปัจจุบันที่เกมนี้มีแผนที่มากถึง 11 แผนที่แล้ว โดยแต่ละแผนที่ก็จะมีความหลากหลาย และมีความได้เปรียบเสียเปรียบของฝ่ายรุก ฝ่ายรับไม่เท่ากัน โดยความแตกต่างของแต่ละ แผนที่จึงมีการแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ โดยก็มีลักษณะร่วมกันคือมีทางไปจุดติดตั้งสไปซ์ (Site) A จุด B และทางตรงกลางที่แยกไปได้ทั้ง A และ B

แผนที่ 2 จุดติดตั้งสไปซ์ เป็นแผนที่ ที่มีส่วนมากในเกม โดยเป็นแผนที่เล็กๆ และมีพื้นที่ให้สามารถไปว่าง Spike ได้ 2 จุดคือ A และ B โดยจุดเกิดของทั้งสองฝ่ายก็จะมีเส้นทางเชื่อมกัน และฝั่งป้องกันจะเข้าถึงใน Site ได้ก่อนเพื่อเตรียมดักยิง โดยจะมีเลนตรงกลางที่สามารถไปสองจุดนั้นได้
แผนที่ 3 จุดติดตั้งสไปซ์ เป็นแผนที่ส่วนน้อย ซึ่งปัจจุบันที่เพียง 2 แผนที่เท่านั้นอย่าง Haven และ Lotus โดยมีจุดให้วาง Spike ได้ถึง 3 จุดด้วยกัน ซึ่งแต่ละจุดก็จะอยู่ใกล้กันมาก และฝั่งป้องกันยังต้องแบ่งคนไปเฝ้า 1 คนในจุดนั้นๆ ด้วย เพราะเดาไม่ได้ว่าศัตรูจะมาจากจุดไหน

Win Rate ของ 4 แผนที่ วาโลแรนต์

หัวข้อนี้เป็นการนำข้อมูลมานำเสนอเกี่ยวกับแผนที่ยอดนิยมจากบทความวิเคราะห์ เกี่ยวกับอัตราแพ้ชนะของแต่ละฝั่งใน 7 แผนที่ ไปวิเคราะห์ 7 แผนที่เก่าซึ่งเราคัดมา 4 จากแผนที่เก่าๆ ที่น่าสนใจว่าแผนที่ไหน มี Win Rate เท่าไรบ้าง เป็นเปอร์เซ็นต์ พร้อมเหตุผลประกอบ ซึ่งก็มีแผนที่ดังนี้

Split

แผนที่ที่มีการปรับปรุงใหม่มาสองครั้ง โดยล่าสุดก็ดูเหมือนว่าจะทำให้ฝ่ายบุกได้เปรียบมากขึ้นมาบ้างจากช่องพีคต่าง แต่สำหรับแผนที่ที่มีจุดอับสายตานี้ ก็ยังเป็นแผนที่ที่ฝ่ายตั้งรับแลดูจะได้เปรียบมากกว่าอยู่ดี

47.0% ฝ่ายบุก
53.0% ฝ่ายรับ

Breeze

แผนที่ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็น map ที่มีความกว้างมากที่สุดในเกม โดยฝั่งบุกสามารถเข้าได้หลายทาง ซึ่งทำให้ฝ่ายบุกมักจะได้เปรียบนั่นเอง จากการที่ต้องแบ่งคนไปเฝ้า จุดละ 1 คนเป็นส่วนใหญ่ในเวลาเดียวกัน ด้วยความกว้างก็ทำให้การเดินเข้าไปกู้ระเบิดที่วางไปแล้วใช้เวลามากขึ้น

51.3% ฝ่ายบุก
48.7% ฝ่ายรับ

Bind

หนึ่งใน 3 แผนที่ในช่วงแรกที่เปิดตัวของเกม ความพิเศษของแผนที่นี้ก็คือไม่มีเลนกลางที่เชื่อม 2 ฝั่งไว้ แต่จะมี teleporters ที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ฝ่ายบุกสามารถโยกฝั่งได้อย่างรวดเร็วจากทางเข้า A ไป B ซึ่งฝ่ายป้องกันก็สามารถดักทางได้จากเสียงที่ดังทั้งแมพเลย และแบ่งคนป้องกันได้ 2-3 คนเลย

48.6% ฝ่ายบุก
51.4% ฝ่ายรับ

Haven

แผนที่จากช่วงแรกๆ ที่ดูจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากเท่าไร เนื่องจากมีไซต์ให้ไปติดตั้งสไปซ์มากถึง 3 แห่ง ซึ่งแตกต่างจากเกมวางระเบิดแบบดั้งเดิมที่มีแค่ 2 จุด โดยแมพนี้ไซต์จะอยู่ใกล้กัน และผู้เล่นฝั่งบุกจึงสามารถเลือกและหลอกล่อได้ว่าจะวางที่ไหน ส่วนฝั่งรับก็ต้องจัดคนไปเฝ้าถึง 5 จุด จุดละคนไปเลย ทำให้ฝั่งบุกได้เปรียบในการเข้าถึงพื้นที่ไปเล็กน้อย

51.0% ฝ่ายบุก
49.0% ฝ่ายรับ

ที่มา: วิเคราะห์ 7 แผนที่ แผนที่ไหน Win Rate โดนใจเหล่าผู้เล่นที่สุด ! [2]

รีวิว แผนที่ วาโลแรนต์ จากความคิดเห็นของกระทู้ผู้เล่น

โดยจาก Poll การโหวตของผู้เล่นกว่า 2,901 ของเว็บเครือเดียวกับ Reddit ว่าแมพไหนแย่ที่สุดก็พบว่า Breeze มีคะแนนสูงสุดถึง 36.57% ตามมาด้วย Icebox 15.1% และ Sunset 9.58% [3] ซึ่งก็ได้รวบรวมความคิดเห็นจากเว็บ Reddit มาอีกทีในกระทู้เกี่ยวกับ Valorant ในหัวข้อ “What is the best Valorant Map?” จากผู้ใช้งาน max_ex1sts โดยได้คอมเมนต์ตัวอย่างมาพูดถึงหลายแผนที่ด้วยกัน

ความคิดเห็นแรกจากยูสเซอร์ JoJonase ให้ความเห็นประมาณว่า “Ascent กับ haven นั้นเป็นแผนที่ที่ใช้ได้ แต่ก็รู้สึกค่อนข้างธรรมดา ซึ่งไม่ใช่กับ Bind ที่มีแต่เทเลพอร์ตอันเป็นสีสันให้มันสนุกขึ้น และฉันชอบ bind มาก”
ความคิดเห็นที่สองจากยูสเซอร์ mh500372 ให้ความเห็นประมาณว่า “ฉันดีใจที่มีคนเห็นด้วยกับฉันเรื่องแผนที่ Pearl แผนที่นี้ทำให้รู้สึกเหมือนเกิดจากการออกแบบเกมที่ดี และเป็นประโยชน์กับผู้เล่นสายบุกแบบ Aggressive จริงๆ”
ความคิดเห็นสุดท้ายจากยูสเซอร์ jann1442 ให้ความเห็นประมาณว่า “ไม่มีทางที่จะให้ Sunset มีคะแนนต่ำกว่า fracture แน่นอน เพราะมันเป็นแผนที่ที่สมบูรณ์แบบอย่างมาก ซึ่งเหตุผลที่คนไม่ชอบกันเพราะผู้เล่น Valorant ไม่ชอบสิ่งใหม่ๆ”

เข้าไปอ่านรายละเอียดคอมเมนต์อื่นๆ เพิ่มเติมที่ reddit

กลไกต่างๆ ที่มีการใส่เข้ามาในแต่ละแผนที่

ในแผนที่ต่างๆ ของเกมนี้ก็นับว่าเป็นแผนที่ที่มีลูกเล่นต่างๆ นานา ให้ผู้เล่นเข้าไปกดใช้ได้ ซึ่งเป็นการพลิกโฉมการออกแบบแผนที่ในเกมวางระเบิดแบบนี้ ซึ่งการใส่กลไกต่างๆ ให้แผนที่ในเกมก็สามารถที่จะ หลอกล่อ สร้างความสับสนให้กับทีมตรงข้ามไปไม่น้อยเลย โดยสิ่งเหล่านี้ก็เป็นการรวบรวมเอาลูกเล่นต่างๆ ในเกมที่รวบรวมมาจากการเล่น

ประตูวาร์ป ประตูที่สามารถพาผู้เล่นไปยังอีกจุดได้ทันทีในเกม ซึ่งตอนนี้ยังมีแค่ 1 แผนที่อย่าง Bind เท่านั้น ซึ่งทักษะต่าง รวมไปถึงอะไรก็ตามที่เข้าประตูนั้นไปก็จะถูกย้ายไปอีกที่ และทำให้เกิดเป็นเสียงวาร์ปด้วย ซึ่งสามารถใช้หลอกล่อศัตรูได้
ช่องลับ เป็นช่องทางต่างๆ ที่เชื่อมระหว่างทางเดิน 2 ทางได้ ส่วนมากจะเป็นอยู่ที่เลนกลาง โดยประตูนี้สามารถยิงให้พังได้ ใช้ในการเปลี่ยนไปเล่นอีกจุดหนึ่งได้ และยังมีช่องที่ลงมาจากข้างบนได้เท่านั้นเป็นเข้าด้านหลังศัตรูได้
ประตูสวิตช์เลื่อน เป็นประตูที่สามารถกดสวิตช์เพื่อให้มันปิดได้ ซึ่งมีทั้งประตูที่ทำลายได้และ กดสวิตช์เปิดปิดเท่านั้น โดยประตูนี้เป็นประโยชน์มากสำหรับฝั่งบุกที่เข้าไปวางระเบิดได้แล้ว ก็กดปิดทางเข้า
เชือกสำหรับปีนขึ้นลง เป็นเชือกที่มีไว้สำหรับการปีนไปที่สูง ซึ่งผู้เล่นสามารถกดย่องได้ โดยจะทำให้ไม่ได้ยินเสียงดึงเชือก ส่วนมากก็จะมีไว้ให้ขึ้นที่สูงๆ และไต่ลงอย่างปลอดภัยเท่านั้น

แผนที่ที่มีเฉพาะ โหมด Team Deathmatch เท่านั้น

โดยเกมนี้นอกจากจะมีโหมดธรรมดาให้เล่นแล้วยังมีโหมดพิเศษต่างๆ ซึ่งจะใช้แผนที่ที่ต่างออกไปจากเกมปกติด้วย โดยในหัวข้อนี้จะมาพูดถึงแผนที่สำหรับโหมด Team Deathmatch โดยเฉพาะซึ่งก็มีลักษณะพิเศษ เป็นแผนที่สั้นๆ ที่ออกแบบมาเฉพาะโหมดนี้ ซึ่งก็มีอยู่หลัก 4 แผนที่

District ส่วนหนึ่งของแผนที่หลักอย่าง Split ที่ทำแยกออกมาโดยคลุมธีมเดิมไว้โดยตั้งอยู่ในเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
Kasbah ส่วนหนึ่งของแผนที่ Bind แต่ไม่มีประตูวาร์ปแต่อย่างใด เป็นแผนที่ที่ตั้งอยู่ในเมืองราบัต ประเทศโมร็อกโก
Piazza แมพลอยฟ้าของเมืองที่ถูกพลังประหลาดทำให้ทุกอย่างลอยอย่าง Ascent เป็นเมืองจากเวนิส ประเทศอิตาลี
Drift แผนที่ใหม่ที่ไม่มีในแผนที่หลักในเกม โดยฉากประกอบด้วยตึกสูงและวัดวาอาราม ซึ่งเป็นแผนที่จากกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย

ที่มา: แผนที่ [4]

สรุป แผนที่ วาโลแรนต์ สิ่งที่สร้างความแตกต่างให้การเล่น

แผนที่ วาโลแรนต์ อีกหนึ่งจุดขายของเกมนี้ที่ช่วยสร้างความสนุก และไม่ซ้ำซากจำเจให้กับเกมนี้ที่มีถึง 11 แผนที่หลัก 4 แผนที่พิเศษ พร้อมยังมีการอัปเดตเรื่อยๆ เกี่ยวกับแผนที่ใหม่ๆ การแก้บั๊กต่างๆ รวมไปถึงปัญหาการเจอแผนที่เดิมๆ ที่ถูกเร่งแก้มาโดยตลอด