พาไปรู้จัก แบริโอนิกซ์ ไดโนเสาร์กินเนื้อปากยาว มีฟันแหลมคม

แบริโอนิกซ์ หนึ่งในสายพันธุ์นักล่า ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น จนทำให้ติดตานักวิจัยหลายท่าน พวกมันมีลักษณะเด่นเฉพาะตัว และยังมีความสำคัญในเชิงวิวัฒนาการ เป็นหนึ่งในตระกูล Spinosauridae ทางเราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักประวัติการค้นพบ พฤติกรรมและลักษณะเฉพาะของไดโนเสาร์สายพันธุ์นี้ ให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น

ข้อมูล แบริโอนิกซ์ ไดโนเสาร์ประเภทกินเนื้อ ปากยาวคล้ายจระเข้

แบริโอนิกซ์ (Baryonyx) เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ไดโนเสาร์กินเนื้อ ที่อยู่ในตระกูลสไปโนซอร์ มีถิ่นอาศัยอยู่ที่อังกฤษ โดยชื่อของมันมีความหมายว่า “อุ้งเล็บหนัก” แถมยังมีฟันเป็นรูปทรงกรวย มีเล็บแหลมคมงอกออกมาจากนิ้วหัวแม่มือ จะงอยปากให้กับปากของจระเข้ คาดว่าพวกมันกินสัตว์น้ำหรือปลาเป็นอาหารหลัก [1]

แบริโอนิกซ์ (Baryonyx) ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อใด?

ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2526 ได้มีทีมงานช่างประปา และนักสะสมฟอสซิลดึกดำบรรพ์ วิล เลียม เจ วอล์กเกอร์ พวกเขาได้เข้าสำรวจพื้นที่ Smokejack Clay Pit พื้นที่นี้ประกอบไปด้วยหลุมดินเหนียว ในกับตัวเมืองอ็อกเลย์ และเมืองเซอร์รีย์ พวกเขาได้พบหินก้อนหนึ่ง มีกรงเล็บขนาดใหญ่อยู่ข้างใน และได้นำมาประกอบเข้าด้วยกัน

หลังจากที่พวกเขาประกอบเสร็จ พบว่าปลายของกรงเล็บนั้นหายไป จึงได้วนกลับไปสถานที่เดิมอีกครั้ง ผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ พวกเขาก็ได้พบส่วนที่หายไป อีกทั้งยังพบกระดูกนิ้วมือ และส่วนหนึ่งของซี่โครง จึงได้ชิ้นส่วนเหล่านี้ ไปให้พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งลอนดอน และได้รับการตรวจสอบจากนักบรรพชีวินวิทยา

จากการตรวจสอบฟอสซิล พบว่าเป็นกลุ่มของเทอโรพอด ทีมงานของพิพิธภัณฑ์ก็ได้ลงพื้นที่ดังกล่าว ทำการขุดพื้นดินเป็นระยะเวลาสามสัปดาห์ ซึ่งกระดูกส่วนใหญ่ถูกหุ้มด้วยก้อนหินแป้ง ประกอบไปด้วยกระดูกขากรรไกรบน กระดูกหลัง จมูก หน้าผาก เบ้าตาซ้าย กระดูกสมอง และกระดูกฟันทั้งสองข้าง [2]

ข้อมูล พฤติกรรมและลักษณะเฉพาะของไดโนเสาร์ชนิดนี้

มีการสันนิษฐานว่าพฤติกรรมในการล่าของมัน อาจจะล่าเหยื่อเพียงลำพัง และบางครั้งจะมีการร่วมมือกันในบริบททางสังคม ซึ่งในภาพยนตร์ได้แสดงให้เห็นว่าพวกมัน มักจะออกล่าเหยื่อเพียงลำพังเป็นครั้งคราว นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าพวกมันรวมกันเป็นกลุ่มเล็ก ในการล่าเหยื่อในแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ

การสังเกตนี้ชี้ให้เห็นว่าพวกมัน ยังมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ซึ่งอาจบ่งบอกถึงความสัมพันธ์แบบพี่น้อง หรือความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ระหว่างบุคคลที่เกี่ยวข้อง แต่พฤติกรรมที่น่าสนใจก็คือ กลุ่มที่พวกมันรวมตัว มีแนวโน้มที่จะแสวงหา และติดตามบุคคลที่รับผิดชอบต่อการตายของสมาชิกในกลุ่ม

ในส่วนของลักษณะเฉพาะของมัน แสดงให้เห็นถึงสีผิวสีน้ำตาลแถบเหลือง มีดวงตาสีเขียวอมฟ้า และจุดสีน้ำตาลบนลำตัว มีจมูกเรียวและขนโปรตาที่พาดอยู่ด้านหลังแขน และด้านบนหัว ภาพวาดจากเว็บไซต์ Jurassic World ได้แสดงให้เห็นว่าพวกมันมีหนัง ที่มีความคล้ายกับผิวหนังของจระเข้อีกด้วย [3]

แบริโอนิกซ์ ลักษณะทางกายภาพ และความพิเศษของไดโนเสาร์ตัวนี้

แบริโอนิกซ์ เป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์กินเนื้อ ที่มีลักษณะเฉพาะหลายอย่าง ทำให้พวกมันแตกต่างไปจากไดโนเสาร์ชนิดอื่นในกลุ่ม ในยุคครีเทเชียสตอนต้น เมื่อประมาณ 130 ล้านปีก่อน พวกมันมีภาพลักษณ์ที่โดดเด่น โดยมีข้อมูลลักษณะทางกายภาพของพวกมัน ดังข้อมูลที่น่าสนใจต่อไปนี้

• ขนาดและรูปร่าง : พวกมันมีความยาวประมาณ 10 เมตร มีน้ำหนักประมาณ 2 ตัน และลำตัวเพรียวบาง แต่มีความแข็งแรง ออกแบบมาเพื่อใช้ในการล่าเหยื่อ
• หัวกะโหลกและฟัน : หัวกะโหลกยาวและแคบ คล้ายกับจระเข้ในยุคปัจจุบัน ฟันมีลักษณะแหลมคม เรียงตัวเป็นแนวโค้ง แต่ฟันของมันไม่ได้มีไว้สำหรับบดเคี้ยว แต่เหมาะสำหรับการจับและฉีกเนื้อ
• แขนและกรงเล็บ : แขนมีความแข็งแรง และมีความยาวกว่าไดโนเสาร์กินเนื้อในกลุ่มเดียวกัน ส่วนกรงเล็บจะมีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกรงเล็บที่นิ้วหัวแม่มือ มีความยาวกว่า 31 เซนติเมตร มีไว้สำหรับจับปลาโดยเฉพาะ
• หาง : หางมีลักษณะยาวและแบน ซึ่งช่วยในการทรงตัว และอาจช่วยให้พวกมันว่ายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ขา : พวกมันมักจะเดินด้วยสองขาหลัง แต่มีความสามารถในการเดินด้วยขาทั้งสี่ในบางกรณี ขามีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง แต่ไม่ได้ออกแบบให้พวกมันวิ่งได้เร็ว

แบริโอนิกซ์ มีความพิเศษ ในด้านใด?

จากการตรวจสอบโครงกระดูกเบื้องต้น พบว่าพวกมันเป็นเทอโรพอด หรือไดโนเสาร์กินเนื้ออย่างชัดเจน แต่ในหลายๆ ด้าน พวกมันก็ไม่ได้มีความแตกต่าง หรือคล้ายคลึงกับไดโนเสาร์ชนิดอื่นๆ เท่าที่มีการค้นพบมาก่อน ได้แก่ ไทรันโนซอรัส หรือ ทีเร็กซ์ และเมกาโลซอรัส

เมื่อพวกเขาได้มีการตรวจสอบโครงสร้างของฟอสซิล ก็ได้สังเกตเห็นว่ารูจมูกของพวกมัน อยู่ไกลออกไปมาก และเมื่อพวกเขาพลิกจมูกและมองเข้าไปในช่องปาก จะพบว่ามันมีรูปร่างคล้ายดอกกุหลาบ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะตัวของสัตว์ประเภทกินปลา แถมยังมีฟันที่คล้ายกับจระเข้ มีรูปร่างกลม แทนที่จะเป็นลักษณะแบน

จมูกรูปดอกกุหลาบ ได้พบเห็นและรวบรวมได้ในปี 1983 เป็นลักษณะเด่นชัด และพบได้ในสัตว์ยุคปัจจุบันอย่างเช่นจระเข้ และสัตว์เลื้อยคลานที่อยู่อาศัยในทะเลโบราณบางชนิด อีกทั้งข้อมูลที่บ่งชี้ว่า แบริโอนิกซ์ และสไปโนซอร์ชนิดอื่นๆ อาจเคยกินอาหารที่มีปลาเป็นส่วนประกอบ [4]

สาเหตุที่ทำให้ไดโนเสาร์ชนิดนี้สูญพันธุ์ไปจากโลก

1. สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง : ในช่วงต้นของยุคครีเทเชียส โลกประสบกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย การเพิ่มอุณหภูมิ และการลดลงของระดับน้ำทะเล
2. การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ : ระบบนิเวศของแหล่งน้ำ ทำให้ไดโนเสาร์ชนิดนี้สูญเสียแหล่งอาหาร รวมถึงการแทนที่ของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ ที่อาจเป็นคู่แข่งในการล่าเหยื่อ และยังเป็นคู่แข่งที่มีประสิทธิภาพในการล่ามากกว่า
3. การเปลี่ยนแปลงในกลุ่มไดโนเสาร์ : สำหรับไดโนเสาร์กลุ่ม Spinosauridae ทำให้ไดโนเสาร์ชนิดนี้ค่อยๆ สูญพันธุ์ เนื่องจากการปรับตัวไม่ทันต่อสิ่งแวดล้อม และอาจถูกรุกรานโดยไดโนเสาร์กินเนื้อชนิดอื่น ที่เข้ามาแย่งชิงทรัพยากรในแหล่งที่อยู่อาศัยเดียวกัน
4. การสูญพันธุ์ในวงกว้าง : ถึงแม้พวกมันจะสูญพันธุ์ก่อนเหตุการณ์ครั้งใหญ่ เมื่อประมาณ 66 ล้านปีก่อน แต่เหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงในระยะยาว ที่เริ่มต้นขึ้นในยุคครีเทเชียสตอนต้น อาจเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น การเปลี่ยนแปลงของระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ

สรุป แบริโอนิกซ์

เหตุการณ์ที่ทำให้พวกมันสูญพันธุ์ เนื่องจากปัจจัยผสมผสาน ระหว่างการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ระบบนิเวศ และการปรับตัวไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคนั้น อาจจะยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด แต่เหตุการณ์เหล่านี้ เป็นหนึ่งในกระบวนการธรรมชาติ ที่ส่งผลต่อการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตในยุคก่อนประวัติศาสตร์

อ้างอิง

[1] วิกิพีเดีย. (October 31, 2022). แบรีออนิกซ์. Retrieved from th.wikipedia

[2] WIKIPEDIA. (October 10, 2024). History of discovery. Retrieved from en.wikipedia

[3] JURASSIC WIKI. (2024). Baryonyx. Retrieved from jurassicpark.fandom

[4] Natural History Museum. (January 7, 2019). In what way was Baryonyx unique?. Retrieved from nhm