พาไปรู้จัก อัลโลเซารัส ไดโนเสาร์กินเนื้อที่ดุร้าย ฟันแหลมคม

พฤศจิกายน 21, 2024

อัลโลเซารัส เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ไดโนเสาร์นักล่า กินเนื้อเป็นอาหาร พวกมันมีความดุร้ายภายในตัว และเป็นที่น่าเกรงขามในช่วงปลายยุคจูราสสิค มันเป็นไดโนเสาร์ที่มีความน่าสนใจ เราจะพาไปทำความรู้จักเจ้านักล่าสุดแสนอันตรายตัวนี้ หลักฐานการขุดพบฟอสซิล ไปจนถึงลักษณะทางกายภาพของพวกมัน มีข้อมูลดังนี้

ข้อมูล อัลโลเซารัส นักล่าสุดอันตราย จากยุคจูราสสิคตอนปลาย

อัลโลเซารัส (Allosaurus) เจ้ากิ้งก่านักล่าแห่งยุคจูราสสิคตอนปลาย พวกมันเป็นสายพันธุ์กินเนื้อที่มีขนาดใหญ่ แต่ยังไม่เทียบเท่ากับขนาดของ ทีเร็กซ์ ดำรงชีวิตในช่วงปลายยุคจูราสสิค ประมาณ 155-145 ล้านปีก่อน พวกมันมีจุดเด่นที่ขนาดรูปร่างที่สูงใหญ่ มีเขาเล็กๆ ยื่นออกมาเหนือดวงตาทั้งสอง ขากรรไกรสามารถอ้าได้ถึง 92 องศา

การพบซากฟอสซิลที่สำคัญในปี 1991 เป็นหลักฐานที่มีความสมบูรณ์แบบกว่า 95% และยังได้รับการตั้งชื่อว่า “Big Al” เพราะด้วยขนาดความยาว 26 ฟุต ถูกค้นพบที่รัฐไวโอมิง ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอเมริกา โดยทีมนักสำรวจธรณีวิทยา จากมหาวิทยาลัยไวโอมิง และร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์ Rockies

สภาพแวดล้อมและการดำรงชีวิตของ อัลโลเซารัส จากหลักฐานการค้นพบฟอสซิล ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ถือว่าสถานที่นั้นมีความอุดมสมบูรณ์ และยังเต็มไปด้วยซากฟอสซิลซากดึกดำบรรพ์ ไม่ว่าจะเป็น ฟอสซิลของสาหร่ายสีเขียว, มอส, เฟิร์น และซากฟอสซิลสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่นๆ ได้แก่ ปลา, กบ และจระเข้ [1]

รีวิว ความสำคัญในทางชีววิทยาโบราณ

จากหลักฐานฟอสซิลของไดโนเสาร์Allosaurus ทำให้นักวิทยาศาสตร์หลายท่าน สามารถวิเคราะห์การเจริญเติบโต และอายุขัยของพวกมันได้ รวมไปถึงช่วงอายุขัยของไข่ การวิเคราะห์ทางเนื้อเยื่อวิทยาของกระดูกแขนและขา คาดว่าการสะสมของกระดูก เหมือนจะหยุดลงเมื่ออายุประมาณ 22-28 ปี เมื่อเทียบกับชนิดอื่น

การค้นพบตัวอย่างฟอสซิลในวัยเยาว์ ที่มีขาหลังเกือบสมบูรณ์ แสดงให้เห็นว่าขาของพวกมัน มีขนาดยาวกว่า และส่วนหน้าแข้งและเท้า ก็ยาวกว่าต้นขาเมื่อเทียบกัน ความแตกต่างพวกนี้ ทำให้ อัลโลเซารัส ในวัยทารก มีการพัฒนาที่เร็วกว่า และมีกลยุทธ์ในการล่าที่แตกต่างจากพวกโตเต็มวัย อาจล่าเหยื่อตั้งแต่พวกมันยังเป็นเด็ก

นักบรรพชีวินวิทยาหลายท่านยอมรับว่า ไดโนเสาร์กินเนื้อสายพันธุ์นี้ เป็นนักล่าที่มีขนาดใหญ่ และมีความดุร้ายมาก มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือ บ่งบอกว่าพวกมันโจมตีสเตโกซอรัส ส่วนมากพวกมันออกล่าเหยื่อเทอโรพอด และสัตว์กินซาก โดยพิจารณารอยขูดบนกระดูก ที่พอดีกับฟันของพวกมัน และมีการพบเศษฟันที่หลุดร่วง

ข้อมูล ความเกี่ยวข้องกับนิเวศวิทยาโบราณ

อัลโลเซารัส เป็นกลุ่มสายพันธุ์เทอโรพอดขนาดใหญ่ ที่ถูกค้นพบมากที่สุดเป็นบริเวณกว้าง พบมากในชั้นหินในแถบอเมริกาตะวันตก เรียกว่า Morrison Formation โดยคิดเป็นร้อยละ 70-75 ของตัวอย่างเทอโรพอด ด้วยเหตุนี้ จึงมีการจัดหมวดหมู่ ให้พวกมันอยู่ในระดับโภชนาการสูงสุด ในห่วงโซ่อาหารของชั้นหินมอร์ริสัน

Morrison Formation เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยฟอสซิลที่อุดมสมบูรณ์ รวมไปถึงพืชพรรณในยุคนั้น โดยถูกเปิดเผยจากฟอสซิลสาหร่ายสีเขียว เชื้อรา มอสหางม้า เฟิร์น และต้นสนหลายตระกูล อีกทั้งยังมีการพบซากฟอสซิลสัตว์ต่างๆ ได้แก่หอยสองฝา หอยทาก ปลามีครีบ กบ เต่า จิ้งจก จระเข้ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

Allosaurus เคยอาศัยอยู่ร่วมกับเทอโรพอดขนาดใหญ่ด้วยกัน อย่างเช่น เซอราโทซอรัส และทอร์โวซอรัส พบเจอได้ทั้งสหรัฐอเมริกาและโปรตุเกส ทั้งสามสายพันธุ์ยังมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับกายวิภาคและตำแหน่งของซากดึกดำบรรพ์ เซอราโทซอรัสและทอร์โวซอรัส อาจอยู่ใกล้บริเวณแหล่งน้ำ [2]

อัลโลเซารัส ไปดูลักษณะทางกายภาพ และพฤติกรรมการดำรงชีวิต

อัลโลเซารัส (Allosaurus) เป็นไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่ ถูกจัดในกลุ่มเทอโรพอด มีลักษณะที่บ่งบอกถึงความเป็นนักล่าที่ดุร้าย อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร อาศัยอยู่ในช่วงปลายยุคจูราสสิค ในส่วนนี้ทางผู้เขียนจะพาไปดูลักษณะทางกายภาพ และพฤติกรรมการดำรงชีวิต ที่ทำให้พวกมันเป็นนักล่าสุดอันตราย มีข้อมูลดังนี้

รีวิว ลักษณะทางกายภาพของเจ้ากิ้งก่านักล่าขนาดใหญ่

ขนาดและรูปร่าง : พวกมันมีความยาวประมาณ 8-12 เมตร มีน้ำหนักประมาณ 1.5-2 ตัน เมื่อพวกมันโตเต็มวัย และยังมีความสูงเมื่อยืนหลังตั้งตรง ที่ระดับสะโพก สูงประมาณ 2.5-3 เมตร
ศีรษะ : มันมีขนาดศีรษะใหญ่และยาว ประมาณ 0.8-1 เมตร เมื่อพวกมันเติบโต โครงสร้างของศีรษะค่อนข้างเบา มีโพรงอากาศช่วยลดน้ำหนัก มีโหนกกระดูกเหนือตาขนาดเล็ก ฟันมีประมาณ 14-17 ซี่ มีลักษณะเรียวแหลมและโค้งเล็กน้อย ปลายฟันเหมือนใบเลื่อย สำหรับกัดหรือฉีกเนื้อเหยื่อ
คอ : พวกมันมีคอลักษณะยาวและยืดหยุ่น แต่แข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักของศีรษะ คอมีลักษณะโค้งเล็กน้อย เพื่อช่วยในการมองเห็นรอบด้าน
ลำตัว : โครงกระดูกมีน้ำหนักเบาเมื่อเทียบกับขนาด มีโพรงอากาศในกระดูกหลายส่วน ซี่โครงกว้าง เพื่อรองรับอวัยวะภายในที่มีขนาดใหญ่
แขน : แขนมีลักษณะยาวปานกลาง มีนิ้วทั้งหมดสามนิ้วต่อแขนหนึ่งข้าง และปลายนิ้วมีกรงเล็บที่คม เพื่อใช้ในการจับเหยื่อและการต่อสู้
ขาหลัง : ขาหลังมีลักษณะยาว เหมาะสำหรับการเดินหรือวิ่ง มีนิ้วเท้า 3 นิ้วด้านหน้า และ 1 นิ้วด้านหลัง แต่ละนิ้วประกอบไปด้วยกรงเล็บแหลมคม สำหรับการยึดเกาะพื้นดิน อีกทั้งขาหลังยังออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำหนัก และการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว
หาง : มีลักษณะยาวและแข็งแรง มีโครงสร้างเพื่อช่วยในการทรงตัว บางครั้งหางยังช่วยปรับสมดุล เมื่อพวกมันกำลังออกล่าเหยื่อ หรือขณะที่พวกมันเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว

เชื่อว่าพวกมันเป็นสัตว์กินเนื้อที่อันตรายมากที่สุด แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านไม่แน่ใจในการล่าเหยื่อ ซึ่งรวมถึงสัตว์กินพืชขนาดใหญ่อย่างเช่น อะพาโตซอรัส หรือบางครั้งมันอาจกินซากสัตว์ที่ตายไปแล้ว การวิจัยกะโหลกเมื่อไม่นานมานี้ พบว่าพวกมันสามารถอ้าปากได้กว้างมาก และอาจฉีกเนื้อเหยื่อเป็นชิ้นๆ [3]

ข้อมูล พฤติกรรมการดำรงชีวิตของเจ้ากิ้งก่ากินเนื้อ

มีการเสนอว่า พวกมันอาจมีพฤติกรรมการดำรงชีวิต หรือพฤติกรรมทางสังคมแบบร่วมมือกัน เช่น การออกล่าเหยื่อเป็นฝูง มีหลักฐานเพียงเล็กน้อยที่สนับสนุนแนวคิดนี้ นักวิทยาศาสตร์หลายท่านอธิบายฟอสซิล พบซากฟอสซิลที่อยู่รวมกัน เพราะเป็นสัตว์ที่มีความก้าวร้าว หรือการออกล่าเหยื่อตัวเดียวกัน

และมีข้อโต้แย้งพฤติกรรมร่วมมือกันระบุว่า สัตว์มีกระดูกสันหลังไม่ค่อยร่วมมือกันล่าเหยื่อขนาดใหญ่ อย่างเช่นจระเข้ ในความเป็นจริง ไดโนเสาร์สายพันธุ์นี้มักจะกินเนื้อกันเอง และอาจโจมตีสมาชิกสายพันธุ์ที่มีขนาดเล็กกว่า นอกจากนี้ยังพบกระดูกของพวกมันในตัวจระเข้ และมังกรโคโมโดอีกด้วย [4]

สรุป อัลโลเซารัส

อัลโลเซารัส พวกมันถือเป็นนักล่าที่ดุร้าย และยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคจูราสสิค มันมีการปรับตัวให้เหมาะกับการออกล่าเหยื่อ อีกทั้งยังมีความสำคัญในฐานะนักล่าในห่วงโซ่อาหาร แต่ก็ยังมีข้อสันนิษฐานว่าพวกมัน อาจจะกินเนื้อพวกเดียวกันเอง